ประกันสังคม
1. แจ้งทะเบียนผู้ประกันตน
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานมหาวิทยาลัยเข้าปฏิบัติงานใหม่และยังไม่เคยขึ้นทะเบียน
ผู้ประกันตน หรือมีบัตรประกันสังคมมาก่อนกรอกแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส. 1-03) และกรอก
ข้อมูลเลือกสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมพร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
2. แจ้งการรับผู้ประกันตนเข้าทำงาน
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานมหาวิทยาลัยเข้าปฏิบัติงานใหม่และเคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนหรือมี
บัตรประกันสังคมมาก่อนแล้ว กรอกแบบแจ้งการ
3. แจ้งการลาออกผู้ประกันตน
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานของมหาวิทยาลัยลาออกกรอกแบบแจ้งการลาออกของผู้ประกันตน
(สปส. 6-09)
4.
แจ้งการขอรับบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล
กรณีเลือกโรงพยาบาลในเครือข่าย ประกันสังคม กรอกแบบการขอรับบัตรรับรองสิทธิฯ (สปส.
9-02)
5. แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน
กรณีลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่าง ๆ เช่น คำนำหน้านาม ชื่อ ชื่อสกุล กรอกแบบ
แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส. 6-10) พร้อมแนบบัตรประกันสังคมและบัตร
รับรองสิทธิฯ ตัวจริง
6.
ขอรับใบแทนบัตรประกันสังคม
กรณีบัตรประกันสังคมชำรุดในสาระสำคัญหรือสูญหาย กรอก
(สปส.
6-17)
พร้อมชำระค่าธรรมเนียมใบแทนบัตรประกันสังคมฉบับละ 10 บาท และแนบสำเนาบัตร
ประจำตัวประชาชน
7.
ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร
หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีคลอดบุตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือน
สิทธิที่ท่านจะได้รับ
1.
ค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย
2.
เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร เหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย
เป็นระยะเวลา 90 วัน
3.
มีสิทธิได้รับคนละ 2 ครั้ง
1.
เงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 4,000 บาท/ครั้ง
2.
เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร เหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย
เป็นระยะ
ผู้ประกันตนชาย
เงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย 4,000บาท/ครั้ง สำหรับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายหรือ
หญิงที่อยู่กินฉันท์สามีภรรยาแต่มิได้จดทะเบียนสมรส
หมายเหตุ : ถ้าสามีภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรรวมกันไม่เกิน
4 ครั้ง
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร
-
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร (สปส. 2-01/2)
-
สูติบัตรของบุตรพร้อมสำเนา
-
ทะเบียนสมรสพร้อมสำเนา (กรณีภรรยาผู้ประกันตนคลอดบุตร) หากไม่มีทะเบียนสมรส
ให้แนบ
-
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
-
สำเนาบัตรประกันสังคม
-
หนังสือรับรองของนายจ้าง
8.
ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร
หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีสงเคราะห์บุตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน
ภายในระยะเวลา 36 เดือน
ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน และเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33
หรือมาตรา 39
เงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่าย เดือนละ 150 บาทต่อบุตรหนึ่งคน
เงื่อนไขบุตรที่ได้รับการสงเคราะห์
1.
เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์จำนวน
คราวละไม่เกิน 2 คน (บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม
หรือบุตรซึ่งได้
ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น)
2.
ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปี
บริบูรณ์
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิขอรับประโยชน์ทดแทน
1.
ในกรณีที่บิดาและมารดาเป็นผู้ประกันตนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทน
เพียง
2.
ผู้ประกันตนมีสิทธิขอรับประโยชน์ทดแทนสำหรับบุตรคราวละไม่เกิน 2 คน โดยนับเรียงลำดับการ
เกิดก่อนหลัง
3.
เมื่อผู้ประกันตนมีการจดทะเบียนหย่าหรือแยกกันอยู่และบุตรอยู่ในการอุปการะของผู้ประกันตน
ฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นมีสิทธิรับประโยชน์ทดแทน
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร
-
- สำเนาบัตรทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าของผู้ประกันตน (กรณีจดทะเบียนหย่า)
กรณีที่ต้องใช้หนังสือรับรองของนายจ้าง เนื่องจากในเดือนที่เกิดสิทธินายจ้างยังไม่ได้
นำส่งเงินสมทบ (กฎหมายกำหนดให้ส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป)
9.
ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย
หลักเกณฑ์ที่จะทำให้ท่านมีสิทธิ จ่ายเงินสมทบในส่วนของกรณีตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน
ภายในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนวันถึงแก่ความตาย
สิทธิที่ท่านจะได้รับ
1.
ผู้จัดการศพมิสิทธิได้รับค่าทำศพ 30,000 บาท
2.
ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย ดังนี้
-
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไปให้ได้รับเท่ากับร้อยละ
50 ของค่าจ้าง
รายเดือนคูณด้วย 3
-
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปให้ได้รับเท่ากับร้อยละ
50 ของค่าจ้างรายเดือน
คูณด้วย 10
ใครคือผู้จัดการศพ
- บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้จัดการศพ และได้เป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน
- คู่สมรส บิดา มารดา หรือบุตรของผู้ประกันตนที่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ
ผู้ประกันตน
- บุคคลอื่นที่มีหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้จัดการศพผู้ประกันตน
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย
กรณีขอรับค่าทำศพ
-
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย (สปส. 2-01/4)
-
สำเนาทะเบียนบ้านผู้ประกันตน
-
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการศพ
-
หลักฐานจากฌาปนสถานหรือมัสยิดที่แสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ
-
มรณบัตรต้นฉบับพร้อมสำเนา