1. ผู้มีอำนาจในการอนุมัติโครงการฝึกอบรม มีดังนี้
1.1 ถ้าเป็นหน่วยงานที่มีรองอธิการบดีกำักัับดูแลให้นำเสนอรองอธิการบดีที่กำกับดูแลพิจารณาอนุมัติโครงการฝึกอบรม
1.2 ถ้าเป็นหน่วยงานที่ไม่มีรองอธิการบดีกำกับดูแลให้เสนอเรื่องให้กองการเจ้าหน้าที่ตรวจสอบนำเสนอรองอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการพิจารณาอนุมัติโครงการ
1.3 ถ้าเป็นโครงการฝึกอบรมนานาชาติ ให้เสนอเรื่องให้กองการเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและนำเสนอ สกอ. พิจารณาอนมุัติโครงการ
2. ค่าตอบแทนวิทยากรระเบียบที่ใช้ คือ
2.1 ระเบียบกระทรวงการคลัง 2549 (กรณีที่ใช้เงินงบประมาณ) (ระเบียบกระทรวงการคลัง ¾.È.. 2549)
2.2 ประกาศระเบียบเงินรายได้ มก. พ.ศ. 2540 (กรณีใช้เงินรายได้) (ประกาศระเบียบเงินรายได้ มก. พ.ศ. 2540)
ซึ่งกำหนดวิธีการเบิกจ่ายไว้ชัดเจน โดยสรุป ได้ดังนี้
1) ระเบียบกระทรวงการคลัง ป.ตรี ไม่เกิน 600 บาท/ช.ม. ถ้าจำเป็นต้องใช้วิทยากรที่มีความรู้ความสามารถจ่ายได้ 2 เท่า
2) ระเบียบรายได้ ป.ตรี จ่ายได้ไม่เกิน 2,000 บาท/ช.ม.
ระเบียบกระทรวงการคลังได้เปิดโอกาสไว้ว่า ถ้าต้องใช้วิทยากรที่มีความสามารถ สามารถจ่ายได้มากกว่าที่กำหนดแต่ต้องให้ผู้มีอำนาจระดับกรม (อธิการบดี) เป็นผู้อนุมัติ
3. ที่ประชุมได้หารือถึงวิธีการแก้ปัญหากรณีที่ผู้เข้าอบรมอยู่ไม่ครบโครงการหรือยกเลิกการเข้าร่วมโ๕รงการกระทันหัน ไว้ดังนี้
3.1 ในกรณีที่มีการมอบประกาศนียบัตรแล้วผู้เข้าร่วมเ้ข้าไม่ครบ สามารถเข้าร่วมโครงการเพื่อซ่อมในรุ่นต่อไปได้ ถ้าไม่เข้าร่วมอีกก็จะไม่สามารถเบิกค่าลงทะเบียนได้
3.2 ใช้วิธีเรียกเก็บค่าเสียหายที่ไม่เข้าร่วมโครงการ แต่มีผู้แสดงความคิดเห็นว่าเคยทำแต่เกิดปัญหาว่าเก็บเงินแล้วไม่ทราบว่าจะนำเงินไปไว้ตรงไหน มีผู้เสนอให้ตรวจสอบกับกองคลังว่าเงินจำนวนนี้สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง
3.3 ถ้าแจ้งก่อนเวลาเร่ิมโ๕รงการจะคืนเงินส่วนหนึ่ง
3.4 ให้สั่งจ่ายธนาณัติจะไม่รับเงินสด
3.5 ถ้าลงทะเบียนวันแรกก็ดำเนินการเก็บเงินเลย หากใครขาดจะต้องำทเรื่องแจ้งเหตุผล ถ้าไม่ทำ ผู้รับผิดชอบโ๕รงการจะเป็นผู้แจ้งให้หน่วยงานทราบ
3.6 ใช้วิธีเก็บค่าลงทะเบียนทีหลัง ถ้าเข้าไม่ครบจะทำเรื่องเก็บทำให้หน่วยงานทราบว่าเข้าร่วมไม่ครบ
<??????????>